วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

2
ดินก้อนแรก

                โดยหลักการเบื้องต้นแล้วดินที่นำมาย่ำผสมกับแกลบ มันควรจะเป็นดินอะไรก็ได้ ยึดหลักนำวัสดุที่มีอยู่นำมาประยุกต์ แล้วดินก็เช่นกัน ขอเพียงแต่อย่าเป็นดินทรายนำมาปั้นแล้วไม่สามารถจับตัวกันเป็นก้อนได้ก็แล้วกัน นอกนั้นได้หมด  พ่อซึ่งติดต่อญาติขอดินในนาหลังเก็บเกี่ยว เพื่อจะนำมาทำอิฐดิน อ๊อดกับแมนไม่รีรอ คว้าจอบและเสียบลงไปขุดดินใส่กระบะนำมาเหยียบย่ำด้วยเท้าเปล่าจนแหลกเหลวเป็นเนื้อเดียวกันจึงเติมแกลบลงไปพอประมาณแล้วย่ำต่อไปจนเข้ากันได้ดี  ตักมาใส่บล็อกไม้ซึ่งอ๊อดเตรียมมาจากปาดังเบซาร์ อ๊อดบอกเทคนิค วิธีการต่าง ๆ ให้แก่แมนถึงกระบวนการทำอิฐดิน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย เวลาเลยเที่ยงทั้งสองทิ้งอิฐดินที่ยังเปียกอยู่ตากแดด อ๊อดบอกว่าถ้าแดดดีใช้เวลาประมาณ 12 15 วัน ก็น่าจะนำอิฐไปก่อได้
                เย็นวันศุกร์ผมเดินทางกลับจากกระบี่เห็นก้อนอิฐดินวางเรียงรายเป็นระเบียบ บางก้อนแห้งแล้ว แต่บางก้อนยังหมาด ๆ อยู่เลย ผมถามว่าบ้านดินโดยทั่วไปจะใช้อิฐกี่ก้อน  อ๊อดบอกว่าแล้วแต่เราจะออกแบบ ผมถามต่อว่าถ้าใช้คนงานสองคนทำงานเต็มเวลาวันหนึ่งจะได้อิฐประมาณกี่ก้อน แมนบอกว่าช่วงแรก ๆ อาจจะช้าหน่อยเพราะอัดดินลงบล็อกไม่ชำนาญ แต่ใช้เวลาอีก 2 3 วันหลังจากนั้นจะเริ่มรู้ทางแล้วทำได้เร็วขึ้น คิดว่าทำสองคนจะได้อิฐประมาณ 200 300 ก้อน แต่ถ้าไม่รีบก็ทำกันไปเรื่อย ๆ อ๊อดบอกว่าการทำบ้านดินดีอย่างคือประหยัดและดินที่เรานำมาย่ำนั้นหากอัดบล็อกไม่หมด สามารถทำต่อได้ในวันถัดไป เหมาะแก่ครอบครัวที่ไม่ค่อยมีเวลา หากวันไหนสมาชิกในครอบครัวว่างก็มาทำกันต่อ
                หลังจากเวลาผ่านไป 12 วัน ดินก้อนแรกก็แข็งตัว น้ำหนักประมาณ 5 7  กิโลกรัม สามารถนำไปก่อเป็นผนังได้เลย  คำถามหนึ่งที่ทุกคนมีร่วมกันนั่นก็คือ มันจะแข็งแรงหรือเปล่า การทดสอบดินก้อนแรกจึงเริ่มขึ้น ด้วยวิธีการยกอิฐดินขึ้นเสมออกแล้วปล่อยทิ้งลงบนพื้นดิน แน่นอนที่สุดอิฐดินบางก้อนหักที่มุม บางก้อนขาดสะบั้น แต่ไม่มีก้อนไหนแตกเป็นผุยผง  อ๊อดยืนยันว่าสามารถนำไปใช้ได้เพราะเมื่อดินแต่ละก้อนนำมาเรียงซ้อนทับกันเหมือนการวางศิลาตามวิหารต่าง ๆ แต่ละก้อนเชื่อมประสานกันด้วยดินเหลว เมื่อดินแห้งตัวก็จะกลายเป็นเนื้อเดียวกันกลายเป็นกำแพงดินประมาณนั้น 
                เพียงดินก้อนแรกที่ได้มามันเป็นที่มาของคำถามมากมาย ซึ่งทั้งหมดนั้น อ๊อดอธิบายได้หมดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ที่นี่โจทย์ใหญ่จึงอยู่ที่ว่าเราศรัทธาและเชื่อมั่นมากน้อยแค่ไหน ผมไม่รู้ว่าในใจแต่ละคนคิดอย่างไร แต่เราทุกคนยินดีที่จะทดลองและพิสูจน์ความเชื่อมั่นดังกล่าว  ผู้คนหลายคนในหมู่บ้านขับรถผ่านไปผ่านมายังทำหน้างง ๆ คิดไม่ออกว่าว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ แต่ก็ไม่มีใครหยุดรถแล้วลงมาถาม มีแต่หันมามองแล้วขับต่อไป  คงพูดกับตัวเองว่า มันทำบ้าอะไรของมัน
          เวลาผ่านไปหลายวันบริเวณบ้านเต็มไปด้วยอิฐวางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ บางก้อนยังคงรอแดดอีกต่อไป  และปัญหาก็ตามมาเมื่อดินที่ขอไว้มีทีท่าว่าจะไม่พอ ครั้นจะขุดต่อไป นาข้าวจะกลายเป็นบึงน้ำขนาดย่อม  จนเจ้าของที่นาเริ่มไม่สบายใจ  พ่อจึงสั่งซื้อดินมาจากที่อื่นเป็นดินที่ใช้ถมที่ ซึ่งใช้ได้หมด จากรถเดียวเพิ่มเป็นสองคันรถ และสาม สี่ ห้า หก เจ็ดรถ เราได้อิฐดินประมาณ 2800 ก้อน คิดว่าน่าจะพอนำมาสร้างบ้านที่แปลนกันไว้อย่างหยาบ ๆ รอบ ๆ บริเวณบ้านจึงเต็มไปด้วยอิฐดิน เป็นที่ดึงดูดสายตาของชาวบ้าน  และตอนนี้ชาวบ้านเริ่มรู้กันบ้างแล้วว่าเราจะสร้างบ้านดิน และไอ้คำว่าบ้านดินนี่แหล่ะพูดกันปากต่อปากจนเป็นที่รู้กันทั้งหมู่บ้าน  บางคนก็ว่า มันเล่นอะไรของมัน
          และช่วงเวลานี้เองบางคนหยุดรถลงมาพูดคุยทำความรู้จักกับบ้านดินที่เราจะทำกัน  บางคนเห็นด้วยในแนวทาง บางคนไม่เชื่อว่ามันจะเป็นที่อยู่อาศัยได้จริง  บางคนคิดว่าเราทำเพื่อเป็นของเล่น หลายคนหลายความคิด  เราไม่โต้แย้งปล่อยให้เป็นคำถามคาใจกลับไป เราก็ยังคงมุ่งมั่นต่อไปอย่างไม่ลดละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น